วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

โรงเรือนเพาะเห็ด ควบคุมอากาศอัตโนมัติ

โรงเรือนเพาะเห็ด ควบคุมอากาศอัตโนมัติ
          ในอดีตเห็ดที่รับประทานกันทั่วไป  จะเป็นเห็ดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเฉพาะช่วงฤดูกาลเท่านั้น  เมื่อมีผู้นิยมบริโภคกันมากขึ้น  จึงทำให้เกิด
การพัฒนาไปสู่การเพาะเห็ดในเชิงการค้า เห็ดที่เพาะในเชิงการค้ามีหลายชนิด  เช่น เห็ดฟาง  เห็ดนางรม  เห็ดนางฟ้า  เห็ดยานางิ  เห็ดหูหนู   และ
เห็ดหอม เป็นต้น  เห็ดสกุลนางรมหรือเห็ดนางรมเป็นเห็ดที่นิยมของตลาด และมีการเพาะกันทั่วไปเกือบทั้งประเทศ  เห็ดนางรมเจริญเติบโตได้ดีใน
สภาพอากาศที่มีอุณหภูมิระหว่าง 24 – 33 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ 70 – 80 เปอร์เซ็นต์
          เห็ดแต่ละชนิดมีวิธีการเพาะที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปผู้เพาะเห็ดจะนำถุงเชื้อที่ผลิตเอง  หรือซื้อมานำไปเปิดดอกในโรงเรือนที่ควบคุมสภาพ
แวดล้อมได้  ดังนั้นโรงเรือนเปิดดอกเห็ดจึงมีความสำคัญในการเพาะเห็ด  โดยจะต้องควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม    เห็ดจึงจะออกดอกและ
ให้ผลผลิตดี  จากการสำรวจโรงเรือนเพาะเห็ดที่เกษตรกรปลูก  พบว่ามีหลายขนาดด้วยกัน  ขึ้นอยู่กับเหตุผลและแนวคิดของแต่ละคน       ผู้สร้าง
โรงเรือนขนาดใหญ่ให้เหตุผลว่าดูแลสะดวก  อุณหภูมิภายในโรงเรือนมีความสม่ำเสมอ  เปลี่ยนแปลงน้อย ส่วนผู้ที่สร้างโรงเรือนขนาดเล็กมีเหตุผล
สนับสนุนว่า สามารถป้องกันกำจัดโรค แมลง และไร   หรือศัตรูเห็ดได้ดีกว่าถ้าเกิดการระบาดของโรคและแมลง  จะสามารถควบคุมได้ไม่เสียหาย
ทั้งหมด
โรงเรือนเปิดดอกเห็ดนางรมแบบถาวร
          โดยเหตุที่โรงเรือนเพาะเห็ดส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรือนที่สร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหลังคาด้วยแฝกหรือใบจาก ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่คงทน แม้จะลงทุนต่ำ
แต่ก็มีอายุการใช้งานสั้น ประมาณ 2 - 3 ปี  เกษตรกรก็ต้องจ่ายเงินค่าแรงงาน และค่าวัสดุในการซ่อมแซมใหม่   นอกจากนั้นโรงเรือนที่สร้างด้วย
ไม้ไผ่หรือแฝกยังเป็นที่อาศัยของมอดและแมลงอีกด้วย       เกษตรกรก็ต้องหันมาใช้สารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลง    ซึ่งไม่ปลอดภัยต่อทั้ง
เกษตรกรและผู้บริโภค
          คุณนาวี จิระชีวี วิศวกรการเกษตรชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาพื้นที่เกษตร  สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร
กล่าวว่า   การที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนในระยะยาวสำหรับการเพาะเห็ดเพื่อการค้า  น่าจะสร้างโรงเรือนที่ค่อนข้างถาวร คือสร้างด้วย
โครงเหล็ก  หลังคามุงกระเบื้อง   ซึ่งจะมีอายุการใช้งานนานถ้าเกษตรกรมีเงินลงทุนพอ    แต่ต้องหาวิธีการควบคุมสภาพแวดล้อมและรูปแบบของ
โรงเรือนเปิดดอกเห็ดที่เหมาะสม   แต่เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มพัฒนาพื้นที่เกษตรยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่จะแนะนำให้แก่เกษตรกรคือ ขนาดแบบ
แปลน โรงเรือนเพาะเห็ดนางรมที่เหมาะสม      รวมถึงรูปแบบการควบคุมสภาพแวดล้อม อุณหภูมิและความชื้นภายในโรงเรือน  ดังนั้น สถาบันวิจัย
เกษตรกรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร    จึงได้ทำการวิจัยและพัฒนาโรงเรือนเปิดดอกเห็ดนางรมแบบถาวรให้ได้ขนาดที่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
พร้อมกับติดตั้งระบบควบคุมสภาพแวดล้อมภายในที่เหมาะสมสำหรับการเพาะเห็ดนางรม และให้สามารถประยุกต์ใช้ในการเพาะเห็ดอื่นๆ ได้   เพื่อ
เป็นต้นแบบโรงเรือนเพาะเห็ดสกุลนางรมแบบถาวร


การวางเชื้อเห็ดแบบแขวน พร้อมชุดตรวจจับสัญญาณ
          คุณวิโรจน์  โหราศาสตร์ วิศวกรการเกษตรชำนาญการพิเศษ กลุ่มพัฒนาพื้นที่เกษตร หัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาโรงเรือนเปิดดอกเห็ด
นางรม โดยร่วมกับกลุ่มวิจัยและพัฒนาเห็ด  สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า   โรงเรือนที่มีลักษณะโครงหลังคาจั่ว
เป็นรูปแบบโรงเรือนที่เกษตรกรนิยมมากที่สุด  จึงได้ทำการออกแบบให้โรงเรือนมีลักษณะเป็นโครงหลังคาเหล็กทรงจั่วมุงด้วยกระเบื้อง   ด้านข้าง
ปิดด้วยซาแรนทึบ  พื้นเทคอนกรีตซึ่งสะดวกในการทำความสะอาดและจัดการต่างๆ  ภายในโรงเรือนได้ง่าย      เพื่อไม่ให้เป็นที่สะสมของเชื้อโรค
จากการออกแบบและประเมินราคาโรงเรือนลักษณะดังกล่าวในหลาย ๆ ขนาดพบว่า โรงเรือนขนาด 6 x 8 เมตร เป็นขนาดที่เหมาะสมในการลงทุน
มากที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่าวิธีวางก้อนเชื้อเห็ดแบบแขวนเป็นชั้น ๆ ในแนวตั้งจะมีการระบายอากาศได้ดีกว่าแบบตั้งโต๊ะวางก้อนเชื้อเห็ดแบบตัวเอ
และยังสามารถทำความสะอาดพื้นโรงเรือนได้ง่าย  สะดวกในการเก็บดอกเห็ดและการนำก้อนเชื้อเห็ดออกมา
          คุณวิโรจน์ บอกว่า จากการวัดอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ภายในโรงเรือนเปิดดอกเห็ด  ขนาด 6 x 8 เมตร       พบว่าไม่เหมาะสมสำหรับ
โรงเรือนเปิดดอกเห็ดนางรม ถ้าไม่มีระบบควบคุมสภาพแวดล้อม เพราะในช่วงบ่ายอุณหภูมิภายในโรงเรือนจะสูงเกิน 33 องศาเซลเซียส และความ
ชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์  จึงได้ทำการปรับปรุงและติดตั้งระบบต่างๆ  เพื่อลดอุณหภูมิและเพิ่มความชื้นสัมพัทธ์ในโรงเรือน ดังนี้
          1. เปิดจั่วด้านหน้าและด้านหลังโรงเรือนเพื่อให้ความร้อนใต้หลังคาระบายออกมา       พร้อมกับมุงซาแรนใต้คานเพื่อป้องกันความร้อนจาก
              ใต้หลังคาแผ่ลงมา และป้องกันความชื้นออกจากโรงเรือน
          2. ด้านข้างของโรงเรือนมุง 3 ชั้นด้วยซาแรน 50% พลาสติกหนา 150 ไมครอนและซาแรน 50% อีกชั้นหนึ่งทำให้เก็บความชื้นในโรงเรือน
              ได้ดีขึ้น
  

ระบบปั๊มน้ำและเครื่องควบคุมอัตโนมัติ
          3. ติดตั้งระบบควบคุมอัตโนมัติ  ได้แก่ ระบบพ่นฝอยภายในโรงเรือนด้วยปั๊มขนาด 0.5  แรงม้า         เพื่อลดอุณหภูมิและความชื้นภายใน
              โรงเรือนควบคุมการทำงานด้วยชุดตรวจจับสัญญาณ (เซ็นเซอร์)      และระบบควบคุมไมโครคอนโทรลเลอร์ที่สามารถกำหนดค่าความ
             ชื้นสัมพัทธ์ไม่ต่ำกว่า 70  เปอร์เซ็นต์  และอุณหภูมิไม่เกิน 33 องศาเซลเซียส   และติดตั้งระบบมินิสปริงเกลอร์รดน้ำบนหลังคาโรงเรือน   
             ให้ทำงานอัตโนมัติพร้อมกับระบบพ่นฝอยอัตโนมัติในโรงเรือนโดยใช้ปั๊มตัวเดียวกัน
          นอกจากนั้นยังติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติด้วยนาฬิกาตั้งเวลา (ไทเมอร์) วันละ 3 เวลา เช้ากลางวัน เย็น   ด้วยระบบพ่นฝอยป้องกันเห็ดแห้ง
โดยใช้ปั๊มน้ำชุดเดียวกันกับระบบพ่นฝอยควบคุมสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ


สปริงเกอร์ ลดความร้อนหลังคา
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและผลผลิตของเห็ด
          คุณสุวลักษณ์  ชัยชูโชติ  นักวิชาการโรคพืชชำนาญการพิเศษ  ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนาเห็ด   สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ
กรมวิชาการเกษตร    ชี้ถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเห็ดว่ามีอยู่ 6 องค์ประกอบด้วยกัน  คือ 1.อาหารสำหรับเห็ด   2.อุณหภูมิ เนื่อง
จากเห็ดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เขาชอบ 3. ความเป็นกรดเป็นด่างของอาหารเห็ด 4. อากาศ เนื่องจากเห็ดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการอากาศ
หายใจ 5. ความชื้น เนื่องจากเห็ดเป็นเชื้อราเส้นใยจึงต้องมีความชื้นเข้ามาเกี่ยวข้อง และ 6. แสง
          ดังนั้นโรงเรือนเพาะเห็ดจึงต้องเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิ ความชื้น  อากาศและแสง อย่างไรก็ตาม   เห็ดแต่ละชนิดมีความต้องการปัจจัยเหล่านี้
แตกต่างกัน โดยเฉพาะเห็ดหอมและเห็ดนางรมหรือเห็ดสกุลนางรมต้องการอุณหภูมิที่แตกต่างกันมาก เห็ดหอมต้องการอุณหภูมิต่ำและความชื้นสูง เห็ดสกุลนางรมต้องการอุณหภูมิสูงมากกว่าเห็ดหอม  ส่วนเห็ดฟางชอบอุณหภูมิสูงแต่ในช่วงที่ออกดอกต้องการอุณหภูมิต่ำ


โรงเรือนเปิดดอกเห็ดนางรม ขนาด 6x8 เมตร
          “จึงกล่าวได้ว่าอุณหภูมิ อากาศ ความชื้นและแสงมีความสำคัญ ซึ่งเราจะต้องจัดสภาพแวดล้อมดังกล่าวภายในโรงเรือนเพาะเห็ดให้เหมาะสม
สำหรับเห็ดแต่ละชนิด เพราะสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อปริมาณผลผลิตและคุณภาพของเห็ด    ถ้าเราสามารถกำหนดและควบคุมได้ให้เหมาะสมกับ
เห็ดแต่ละชนิดโอกาสที่เห็ดจะพัฒนาเป็นดอก และเพิ่มผลผลิตให้เราก็จะสูงขึ้น” คุณสุวลักษณ์ อธิบาย
          คุณวิโรจน์ กล่าวว่า      จากการออกแบบและทดสอบโรงเรือนเพาะเห็ดแบบถาวรขนาด 6 x 8  เมตร  พร้อมระบบควบคุมสภาพแวดล้อมใน
โรงเรือน ซึ่งประกอบด้วยระบบพ่นหมอกอัตโนมัติในโรงเรือน     ระบบรดน้ำบนหลังคาสามารถใช้เป็นโรงเรือนเปิดดอกเห็ดนางรมได้ดี คือ สามารถ
ควบคุมความชื้นภายในได้ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์  และอุณหภูมิไม่เกิน 33 องศาเซลเซียส