การเพาะเห็ดฟางอย่างง่าย โดย ชมรมเกษตรอินทรีย์ธรรมศาสตร์
1. ทุบก้อนเชื้อ(ได้จากการเพาะเห็ดในถุงพลาสติก) ให้แตกพอแหลก แต่ไม่ต้องละเอียด
2. ใส่วัสดุเพาะลงในตะกร้าสูงประมาณ 2-3 นิ้ว กดให้พอแน่น และ ให้ชิดขอบตะกร้า
3. โรยผักตบชวาที่หั่นไว้ ลงบนวัสดุเพาะ โดยรอบ
4. นำเชื้อเห็ดฟางมาโรยบนวัสดุเพาะได้เป็น ชั้นที่ 1
5. ทำชั้นที่ 2 และ 3 ด้วยวิธีการเดิม ปิดชั้นที่ 3 ด้วยวัสดุเพาะ ได้เป็น 1 ตะกร้า
6. นำตะกร้าเห็ดฟางใส่กระโจมเพาะเห็ดฟาง
7. รักษาอุณหภูมิในโรงเรือนให้อยู่ที่ 33-38 องศา เมื่อเส้นใยเดินเต็มวัสดุจึงรดน้ำด้วยบัวฝอย
8. เมื่อเกิดตุ่มดอกแล้วรักษาอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 28-32 องศา ช่วงนี้เห็ดฟางจะเจริญเติบโตขึ้น
9. เก็บดอกตูม หัวพุ่ง ของเห็ดฟาง ให้ชิดรูตะกร้า
(ขอบคุณข้อมูลจาก www.tu.ac.th)
การดูแลตะกร้าเพาะเห็ดภายในโรงเรือน และการให้ผลผลิต
1.ในช่วง 1-4 วัน (ฤดูร้อนและฝน) ส่วนฤดูหนาว ช่วง 1-7 หรือ 8 วัน แรก ต้องควบคุม อุณหภูมิ ภายในกระโจมหรือโรงเรือน ให้อยู่ในระดับ 37-40 องศาเซลเซียส
* ติดเทอร์โมมิเตอร์แขวนไว้ภายในโรงเรือนหรือกระโจม ระดับสูงจากพื้นดินประมาณของความสูงของโรงเรือนหรือกระโจม เพื่อตรวจดูอุณหภูมิให้ได้ระดับที่กำหนดไว้เสมอ
* หากอุณหภูมิสูงเกินไปให้เปิดช่องลมระบายอากาศด้านบนของโรงเรือนหรือใช้วัสดุพรางแสงคลุมหรือรดน้ำรอบกระโจมเพื่อลดอุณหภูมิ
*หากอุณหภูมิต่ำกว่ากำหนดต้องปิดช่องระบายอากาศให้มิดชิด หรือใช้หลอดไฟ 100 วัตต์วางไว้ในโรงเรือนเพาะเห็ด ห่างจากตะกร้า ประมาณ 1 คืบ หรือ 10 นิ้ว เพราะมิฉะนั้นแล้วอาจเกิดความร้อนเกินไป ในกรณี นี้ต้องยกตะกร้าเพาะเห็ด ให้สูงขึ้นโดยวางตะกร้า เพาะไว้บนชั้นโครงเหล็กจะสะดวกต่อการปฏิบัติงานยิ่งขึ้น
หมายเหตุ : ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ ภายในกระโจม หรือโรงเรือน ให้อยู่ในระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นไปโดยใช้ ไฮโดยมิเตอร์แขวนไว้ภายในโรงเรือน ระดับเดียวกันกับเทอร์โมมิเตอร์
หมายเหตุ : ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ ภายในกระโจม หรือโรงเรือน ให้อยู่ในระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นไปโดยใช้ ไฮโดยมิเตอร์แขวนไว้ภายในโรงเรือน ระดับเดียวกันกับเทอร์โมมิเตอร์
2.เมื่อถึงวันที่ 4 ในฤดูร้อนและฝน หรือวัน ที่ 5 ในฤดูหนาว ให้เปิดพลาสติกคลุมหรือปิดประตูโรงเรือน อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้มีการถ่ายเทอากาศให้ใยเห็ดสร้างจุดกำเนิดดอกถ้าวัสดุเพาะแห้งเกินไปให้รดน้ำตามสมควร ปกติรดน้ำเพียงเล็กน้อยจะเป็นการตัดเส้นใยเชื้อเห็ดซึ่งการตัดเชื้อใยเห็ดนี้เป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างดอกเห็ดได้ โดยอาจใช้น้ำตาลกลูโคส 1 ช้อนกาแฟ ละลายกับน้ำ 1 ลิตร รดน้ำให้วัสดุเพาะ ด้วยก็ได้ ถ้าไม่แห้ง ก็ไม่ต้องรด หลังจากเปิดประตูเพื่อถ่ายเทอากาศแล้วต้องปิดพลาสติกหรือประตูไว้เช่นเดิม
3.ระหว่างวันที่ 5-8 ต้องควบคุม อุณหภูมิภายในโรงเรือนให้อยู่ระหว่าง 28-32 องศาเซลเซียส โดยในช่วง 6-7 วัน จะมีการรวมตัวของเส้นใยเป็นดอกเล็กๆจำนวนมากมาย ช่วงนี้ห้ามเปิดพลาสติกหรือโรงเรือนบ่อยครั้งเพราะจะทำให้ดอกเห็ดฝ่อได้
4.การเก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณวันที่ 8-9 ในฤดูร้อน หรือ 12-15 วันในฤดูหนาว
เห็ดฟางมีประโยชน์ อะไรบ้าง ? มาสรุปกันให้เข้าใจง่ายๆเลยว่าเห็ดฟางนั้น มีประโยชน์คือ เป็นเห็ดที่มี ไขมันต่ำแคลลอรี่น้อย และไม่มีคลอเรสเตอรอล มีคาร์โบไฮเดรตแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี1 บี2 วิตามินซี นอกจากนี้ยังมี ซีลิเนียม โพแทสเซียม ช่วยต้านมะเร็งลดความดันโลหิต เห็ดฟางยังมีโปรตีนสูงและกรดอะมิโนต่างๆ การทานเห็ดฟางจึงดีต่อสุขภาพ ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยย่อยอาหาร บำรุงโลหิต บำรุงกำลัง บำรุงตับ แก้ร้อนใน แก้ช้ำใน…เห็ดฟางมีประโยชน์ขนาดนี้แล้วจึงเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้าหากปลูกขายแล้วเชื่อแน่ว่า น่าจะเป็นอีกธุรกิจเกษตรทำเงินแน่นอน
โอกาสของการเพาะเห็ดฟางขายยังมีมาก
จากเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งเห็ดก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เห็ดฟางก็เป็นอีกเห็ดชนิดที่มีความต้องการสูง ยิ่งถ้าสามารถทำให้ได้มาตรฐานแบบปลอดสาร เริ่มตั้งแต่กระบวนการหาวัสดุอุปกรณ์ ขั้นตอนการทำ การเก็บเกี่ยว จนถึงการหีบห่อขนย้าย ยิ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าให้สูงขึ้นและสามารถขายได้ในกลุ่มตลาดบนด้วย