เห็ดฟางหน้าบ้าน
เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผมได้ทำการเพาะเห็ดฟางไว้ที่โคนต้นมะม่วงหน้าบ้าน ถึงตอนนี้ผลผลิตเริ่มออกดอกทุกวันๆ ละ ประมาณ 1 กิโลกรัม.....นอกจากจะบริโภคภายในครอบครัวแล้ว ส่วนหนึ่งก็ยังจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับครอบครัวด้วย( กก.ละ 80 บาท)
พอดี อาจารย์ภูสุภา หรือ Pa Supu เกริ่นหรือแนะนำมาทาง Facebook (จากลอนดอน ประเทศอังกฤษ)ว่า อยากให้ผมแนะนำหรือเผยแพร่วิธีการเพาะเห็ดฟาง(แบบง่ายๆ ของผม)ให้เพื่อนๆ ได้ทราบด้วย เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ ผมก็เลยตัดสินใจนำวิธีการเพาะเห็ดฟางที่ผมทำอยู่มาเขียนเป็นบันทึกนี้ขึ้นมา ตามคำแนะนำของอาจารย์ภูสุภานะครับ
A. อุปกรณ์สำหรับเพาะเห็ดฟาง
๑. ฟางข้าว จะเป็นฟางอัดด้วยรถอัดฟาง ฟางข้าวที่เกี่ยวด้วยมือ หรือตอซังข้าวก็ได้
๒. เชื้อเห็ดฟาง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามโรงเพาะเห็ดต่างๆ
๓. พลาสติกใส สำหรับใช้คลุมกองฟาง เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่
๔. น้ำ สำหรับใช้รดหรือแช่ฟางให้เปียกชุ่ม
B. วิธีเพาะเห็ดฟาง
๑. การเพาะเห็ดฟางแบบธรรมชาติ
ขั้นตอน.....ก็คือ เอาฟางข้าวไปกองไว้หนาๆ แล้วก็รดน้ำเช้า-เย็น จนชุ่มสัก ๔-๕ วัน จากนั้นก็เอาพลาสติกคลุมไว้(หรือไม่คลุมก็ได้) โดยไม่ต้องใส่เชื้อเห็ดลงไป ไม่นานเห็ดก็จะออกมา เพียงแต่ออกอาจจะเล็กและออกน้อย และใช้เวลานานกว่าวิธีอื่น
๒. การเพาะเห็ดฟางโดยการใส่เชื้อเห็ดลงไป
ขั้นตอนการทำ......เริ่มต้นจาก
๑. การเอาฟางแช่น้ำไว้ ๒๔-๔๘ ชม. จนฟางชุ่มหรืออุ้มน้ำไว้เต็มที่
๒. นำฟางที่แช่นำเสร็จแล้วไปวางเรียงบนจุดที่เตรียมไว้ แล้วเอาเชื้อเห็ดฟางโรยไว้ด้านบน ต่อจากนั้นก็นำฟางมาทับไว้ แล้วก็โรยเชื้อเห็ดไว้ข้างบนอีก ทำอย่างนี้สัก ๔-๕ ชั้น
๓. จากนั้นก็เอาพลาสติกใสมาคลุมแปลงเพาะไว้อย่างมิดชิด โดยไม่ให้ลมผ่านเข้าไปและไม่ต้องรดน้ำแต่อย่างใด เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่
ประมาณ ๒-๓ สัปดาห์ เห็ดฟางก็จะให้ผลผลิตออกมา
อีกวิธีหนึ่ง.....ก็คือ
๑. เอาก้อนฟางแห้ง(ฟางที่ใช้รถอัด)ไปจัดเรียงไว้
๒. จากนั้นก็เอาเชื้อเห็ดโรยไว้ด้านบน สลับกันประมาณ ๔-๕ ชั้นเช่นกัน
๓. แล้วก็รดน้ำประมาณ ๓-๔ วัน
๔. เมื่อฟางเปียกชุ่มแล้ว ก็เอาพลาสติกใสคลุมไว้อย่างมิดชิด....หรือไม่ต้องใช้พลาสติกคลุมก็ได้ เพียงแต่ให้อยู่ในที่ร่มหน่อย และไม่ต้องโดนแดดมากเกินไป
ประมาณ ๒-๓ สัปดาห์ ผลผลิตเห็ดฟางก็จะออกมาครับ
สำหรับผมแล้ว.....ผมใช้วิธีอันหลังนี้นะครับ
C. เคล็ดลับในการทำให้เห็ดฟางมีดอกใหญ่
สำหรับเคล็ดลับในการทำให้เห็ดออกดอกใหญ่ ก็คือ ให้นำรำข้าวหรือข้าวโพดบดละเอียดมาผสมหรือคลุกกับเชื้อเห็ดฟางนะครับ (จากนั้นก็จะนำไปโรยไว้ในกองฟางตามวิธีที่แนะนำไว้ด้านบน) ซึ่งจะทำให้เชื้อเห็ดเดินหรือเจริญเติบโตเร็วและออกดอกใหญ่มากกว่าปกติ
D. ประโยชน์ของการเพาะเห็ดฟาง
๑. ได้เห็ดฟางสำหรับบริโภคในครัวเรือน ซึ่งเป็นอาหารชั้นดีและปลอดสารพิษ
๒. มีรายได้เพิ่มจากการจำหน่ายส่วนที่เหลือ แม้จะได้เงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ไม่ควรดูหมิ่นเงินแม้เพียงน้อยนิดนี้นะครับ
๓. ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
๔. ทำให้รู้จักวิธีการเพาะเห็ดฟางแบบง่ายๆ และได้ลงมือทำด้วยตนเอง
๕. ทำให้รู้จักคุณค่าของการ "รอคอย"(ลุ้นว่าเมื่อไหร่เห็ดฟางจะออกสักทีน๊า คิคิคิ)
๖. หากประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้เรารู้สึกมีความสุขใจและภาคภูมิใจในตัวเองว่า "เราทำได้แล้วน่ะ"
๗. เป็นการใช้พื้นที่ในบริเวณบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
๘. ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ตนเองไม่เคยทำมาก่อน
๙. เมื่อกองฟางเปื่อยยุ่ยและเห็ดออกหมดแล้ว เราก็จะได้ปุ๋ยหมักชั้นดีเลยทีเดียว
๑๐. และอื่นๆ (อีกประมาณ ๑๐๘ ประการ) คิคิคิ
สำหรับผม......ผมเพาะเห็ดฟางเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือนนะครับ(ผมเป็นเพียงเกษตรกรสมัครเล่นนะครับ) เป็นการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง
แต่เนื่องจากผลผลิตเห็ดฟางที่ผมเพาะไว้มีปริมาณมาก ก็เลยจำหน่ายให้กับชาวบ้านด้วย โดยจำหน่ายในราคาเป็นกันเอง กิโลกรัมละ 80 บาท ซึ่งในแต่ละวันก็มากพอสำหรับมอบให้น้องเพียงพอและน้องแพรวพราว(ลูกสาวบังเกิดเกล้าสุดที่รักของผม คิคิคิ)สำหรับเป็นค่าขนมเวลาไปโรงเรียน
ที่มา : เกษตรไซเบอร์