วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เห็ดฟางหน้าบ้าน

เห็ดฟางหน้าบ้าน

 เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผมได้ทำการเพาะเห็ดฟางไว้ที่โคนต้นมะม่วงหน้าบ้าน ถึงตอนนี้ผลผลิตเริ่มออกดอกทุกวันๆ ละ ประมาณ 1 กิโลกรัม.....นอกจากจะบริโภคภายในครอบครัวแล้ว ส่วนหนึ่งก็ยังจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับครอบครัวด้วย( กก.ละ 80 บาท)
          พอดี  อาจารย์ภูสุภา หรือ Pa Supu  เกริ่นหรือแนะนำมาทาง Facebook (จากลอนดอน ประเทศอังกฤษ)ว่า  อยากให้ผมแนะนำหรือเผยแพร่วิธีการเพาะเห็ดฟาง(แบบง่ายๆ ของผม)ให้เพื่อนๆ  ได้ทราบด้วย  เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ  ผมก็เลยตัดสินใจนำวิธีการเพาะเห็ดฟางที่ผมทำอยู่มาเขียนเป็นบันทึกนี้ขึ้นมา ตามคำแนะนำของอาจารย์ภูสุภานะครับ

A.   อุปกรณ์สำหรับเพาะเห็ดฟาง
       ๑.   ฟางข้าว    จะเป็นฟางอัดด้วยรถอัดฟาง  ฟางข้าวที่เกี่ยวด้วยมือ  หรือตอซังข้าวก็ได้
       ๒.   เชื้อเห็ดฟาง  ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามโรงเพาะเห็ดต่างๆ
       ๓.   พลาสติกใส   สำหรับใช้คลุมกองฟาง  เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่
       ๔.   น้ำ    สำหรับใช้รดหรือแช่ฟางให้เปียกชุ่ม


B.   วิธีเพาะเห็ดฟาง

๑.  การเพาะเห็ดฟางแบบธรรมชาติ

     ขั้นตอน.....ก็คือ เอาฟางข้าวไปกองไว้หนาๆ แล้วก็รดน้ำเช้า-เย็น จนชุ่มสัก ๔-๕ วัน จากนั้นก็เอาพลาสติกคลุมไว้(หรือไม่คลุมก็ได้)  โดยไม่ต้องใส่เชื้อเห็ดลงไป  ไม่นานเห็ดก็จะออกมา  เพียงแต่ออกอาจจะเล็กและออกน้อย  และใช้เวลานานกว่าวิธีอื่น

๒.  การเพาะเห็ดฟางโดยการใส่เชื้อเห็ดลงไป

ขั้นตอนการทำ......เริ่มต้นจาก 
      ๑.  การเอาฟางแช่น้ำไว้ ๒๔-๔๘ ชม. จนฟางชุ่มหรืออุ้มน้ำไว้เต็มที่
      ๒.  นำฟางที่แช่นำเสร็จแล้วไปวางเรียงบนจุดที่เตรียมไว้ แล้วเอาเชื้อเห็ดฟางโรยไว้ด้านบน ต่อจากนั้นก็นำฟางมาทับไว้ แล้วก็โรยเชื้อเห็ดไว้ข้างบนอีก ทำอย่างนี้สัก ๔-๕ ชั้น
      ๓.  จากนั้นก็เอาพลาสติกใสมาคลุมแปลงเพาะไว้อย่างมิดชิด โดยไม่ให้ลมผ่านเข้าไปและไม่ต้องรดน้ำแต่อย่างใด  เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่
      ประมาณ ๒-๓ สัปดาห์ เห็ดฟางก็จะให้ผลผลิตออกมา

อีกวิธีหนึ่ง.....ก็คือ
      ๑.  เอาก้อนฟางแห้ง(ฟางที่ใช้รถอัด)ไปจัดเรียงไว้
      ๒.  จากนั้นก็เอาเชื้อเห็ดโรยไว้ด้านบน สลับกันประมาณ ๔-๕ ชั้นเช่นกัน
      ๓.  แล้วก็รดน้ำประมาณ ๓-๔ วัน
      ๔.  เมื่อฟางเปียกชุ่มแล้ว ก็เอาพลาสติกใสคลุมไว้อย่างมิดชิด....หรือไม่ต้องใช้พลาสติกคลุมก็ได้  เพียงแต่ให้อยู่ในที่ร่มหน่อย และไม่ต้องโดนแดดมากเกินไป
       ประมาณ ๒-๓ สัปดาห์  ผลผลิตเห็ดฟางก็จะออกมาครับ
       สำหรับผมแล้ว.....ผมใช้วิธีอันหลังนี้นะครับ


C.   เคล็ดลับในการทำให้เห็ดฟางมีดอกใหญ่

           สำหรับเคล็ดลับในการทำให้เห็ดออกดอกใหญ่ ก็คือ ให้นำรำข้าวหรือข้าวโพดบดละเอียดมาผสมหรือคลุกกับเชื้อเห็ดฟางนะครับ  (จากนั้นก็จะนำไปโรยไว้ในกองฟางตามวิธีที่แนะนำไว้ด้านบน)  ซึ่งจะทำให้เชื้อเห็ดเดินหรือเจริญเติบโตเร็วและออกดอกใหญ่มากกว่าปกติ

D.   ประโยชน์ของการเพาะเห็ดฟาง

      ๑.  ได้เห็ดฟางสำหรับบริโภคในครัวเรือน ซึ่งเป็นอาหารชั้นดีและปลอดสารพิษ
      ๒.  มีรายได้เพิ่มจากการจำหน่ายส่วนที่เหลือ แม้จะได้เงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ  แต่ก็ไม่ควรดูหมิ่นเงินแม้เพียงน้อยนิดนี้นะครับ
      ๓.  ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
      ๔.   ทำให้รู้จักวิธีการเพาะเห็ดฟางแบบง่ายๆ และได้ลงมือทำด้วยตนเอง
      ๕.   ทำให้รู้จักคุณค่าของการ "รอคอย"(ลุ้นว่าเมื่อไหร่เห็ดฟางจะออกสักทีน๊า  คิคิคิ)
      ๖.   หากประสบความสำเร็จ  ก็จะทำให้เรารู้สึกมีความสุขใจและภาคภูมิใจในตัวเองว่า  "เราทำได้แล้วน่ะ"
      ๗.   เป็นการใช้พื้นที่ในบริเวณบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
      ๘.   ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ตนเองไม่เคยทำมาก่อน
      ๙.   เมื่อกองฟางเปื่อยยุ่ยและเห็ดออกหมดแล้ว เราก็จะได้ปุ๋ยหมักชั้นดีเลยทีเดียว
      ๑๐.  และอื่นๆ  (อีกประมาณ ๑๐๘  ประการ)   คิคิคิ


         สำหรับผม......ผมเพาะเห็ดฟางเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือนนะครับ(ผมเป็นเพียงเกษตรกรสมัครเล่นนะครับ)  เป็นการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง 
         แต่เนื่องจากผลผลิตเห็ดฟางที่ผมเพาะไว้มีปริมาณมาก ก็เลยจำหน่ายให้กับชาวบ้านด้วย โดยจำหน่ายในราคาเป็นกันเอง กิโลกรัมละ 80 บาท  ซึ่งในแต่ละวันก็มากพอสำหรับมอบให้น้องเพียงพอและน้องแพรวพราว(ลูกสาวบังเกิดเกล้าสุดที่รักของผม  คิคิคิ)สำหรับเป็นค่าขนมเวลาไปโรงเรียน
ที่มา : เกษตรไซเบอร์